การสังเกตอาการป่วยของน้องแมว “ช่วงอากาศเย็น”

การสังเกตอาการป่วยของน้องแมว “ช่วงอากาศเย็น” บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้ทันอาการป่วยของน้องแมวช่วงอากาศเย็น วิธีดูแลเบื้องต้น และคำแนะนำเพื่อให้แมวของคุณปลอดภัย อบอุ่น และแข็งแรงตลอดฤดูหนาว

น้องแมว

พี่เสือน้อย

12/16/2025

a couple of kittens sitting inside of a cardboard box
a couple of kittens sitting inside of a cardboard box

1. อากาศเย็นมีผลต่อน้องแมวอย่างไร?

อากาศเย็นทำให้ร่างกายของแมวต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น

  • ภูมิต้านทานลดลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

  • ระบบหายใจไวต่อความเย็น เสี่ยงเป็นหวัดหรือหลอดลมอักเสบ

  • ข้อข้อตึง เจ็บข้อ โดยเฉพาะแมวอายุมาก

  • ผิวหนังแห้งมากขึ้น เพราะลมและอากาศแห้ง

เมื่อแมวรู้สึกหนาวเกินไป เขามักจะแสดงพฤติกรรมเพื่อหาความอบอุ่น เช่น นอนขดซุกมุมอุ่น ๆ หรือขอขึ้นนอนบนตัวเจ้าของ

2. อาการป่วยที่พบบ่อยช่วงอากาศเย็น

2.1 หวัดแมว (Feline Upper Respiratory Infection)

เป็นอาการที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่ลมเย็นหรือฝนสลับหนาว
สิ่งที่ควรสังเกต

  • จาม น้ำมูกใสหรือขุ่น

  • หายใจเสียงดัง

  • ตาแฉะ ตาแดง หรือมีขี้ตาเยอะ

  • เบื่ออาหาร ซึม

  • ไอ

หากปล่อยทิ้งไว้อาจกลายเป็นหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบได้

2.2 ภาวะตัวเย็นเกินไป (Hypothermia)

พบได้ในแมวเด็ก แมวแก่ หรือน้ำหนักตัวน้อย
อาการสำคัญ

  • ตัวสั่น

  • ปลายหู–ปลายเท้าเย็น

  • ง่วง ซึม ไม่ตอบสนองดี

  • หายใจช้าหรือแรงผิดปกติ

  • เดินเซ

ภาวะนี้อันตรายมาก ควรให้ความอบอุ่นทันทีและรีบพบสัตวแพทย์

2.3 ผิวหนังแห้ง คัน ขนร่วง

อากาศเย็นและแห้งทำให้ผิวแมวสูญเสียความชุ่มชื้น
สังเกตได้จาก

  • ผิวลอกเป็นขุย

  • เกาบ่อย

  • ขนร่วงมากกว่าปกติ

  • มีกลิ่นตัวเปลี่ยนไป

2.4 ปัญหาข้อกระดูกในแมวสูงวัย

แมวอายุมากอาจมีอาการปวดข้อชัดขึ้นเมื่ออากาศเย็น
อาการที่ควรสังเกต

  • เดินช้าลง หรือเดินกะเผลก

  • กระโดดขึ้นที่สูงลำบาก

  • นอนมากผิดปกติ

  • ร้องเมื่อจับหรือขยับตัว

การดูแลแมวสูงวัยช่วงฤดูหนาวต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

3. วิธีดูแลน้องแมวเบื้องต้นช่วงอากาศเย็น

3.1 จัดที่นอนให้อุ่นและแห้งเสมอ

  • ใช้ผ้าห่มหนานุ่มหรือเบาะหนา

  • ยกที่นอนให้พ้นพื้นเย็น เช่น พื้นกระเบื้อง

  • หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลมโกรก เช่น ใกล้ประตูหรือหน้าต่าง

  • ถ้าแมวกลัวหนาวมาก ใช้เตียงโดม/เตียงกระโจมให้เขาซ่อนตัวได้

3.2 รักษาความอบอุ่นของร่างกาย

  • ใส่เสื้อแมว (เฉพาะแมวที่ยอมและไม่เครียด)

  • ใช้แผ่นรองอุ่นหรือขวดน้ำอุ่นห่อผ้าห่ม

  • ไม่อาบน้ำในวันที่อากาศเย็นมาก หากจำเป็นต้องเช็ดตัวหรือเป่าขนให้แห้งสนิท

3.3 ให้น้ำและอาหารเพียงพอ

แมวใช้พลังงานมากขึ้นช่วงอากาศเย็น

  • ปรับปริมาณอาหารเล็กน้อยให้เหมาะ

  • น้ำควรเป็นน้ำอุ่นหรืออุณหภูมิห้อง

  • ทำความสะอาดชามน้ำบ่อย ๆ เพราะแมวอาจกินน้อยลงหากน้ำเย็นเกินไป

3.4 เก็บแมวให้อยู่ในบ้าน

แมวที่ออกนอกบ้านเสี่ยงลมแรง อากาศเย็น และเชื้อโรคมากกว่า
ควรให้เขาอยู่ภายในบ้าน หรือจำกัดพื้นที่ด้วยห้องอุ่น ๆ

3.5 เพิ่มเวลาความอบอุ่นใจ

ความอบอุ่นทางใจช่วยให้แมวสุขภาพดีขึ้นจริง

  • ลูบเบา ๆ

  • พูดคุย

  • เล่นด้วยช่วงสั้น ๆ เพื่อให้อุ่นตัว
    แมวที่มีความสุขจะมีภูมิคุ้มกันดีขึ้นตามธรรมชาติ

4. ควรพาแมวไปหาหมอเมื่อไหร่?

สัญญาณต่อไปนี้ต้องรีบพบสัตวแพทย์ทันที

  • ไม่กินอาหารเกิน 24 ชั่วโมง

  • มีไข้ ตัวร้อนผิดปกติ

  • อาเจียน–ถ่ายหลายครั้ง

  • หายใจลำบาก หอบ

  • ตา–จมูกมีหนอง

  • ตัวสั่นไม่หยุดหรือร่างกายเย็นผิดปกติ

  • ซึมมาก ไม่ตอบสนองเหมือนปกติ

การตรวจเร็วช่วยลดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบหรือการติดเชื้อรุนแรง

5. คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อสุขภาพที่ดีในฤดูหนาว

  • ทำวัคซีนพื้นฐานครบตามกำหนด

  • เสริมกำลังใจด้วยการเล่นเบา ๆ ทุกวัน

  • หลีกเลี่ยงการเปิดพัดลมหรือแอร์แรงเกินไป

  • เช็ดตัวแมวทันทีหากโดนฝนหรืออากาศชื้น

  • ตรวจร่างกายตามตัวบ่อย ๆ โดยเฉพาะแมวสูงวัย

  • หากมีฮีตเตอร์ ต้องมีระยะห่างและป้องกันแมวเข้าใกล้มากเกินไป

ช่วงอากาศเย็นเป็นเวลาที่แมวมีความอ่อนไหวต่อสุขภาพมากเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องหวัด ตัวเย็นเกินไป ผิวแห้ง และอาการปวดข้อ การสังเกตตั้งแต่อาการเริ่มต้นพร้อมกับจัดสภาพแวดล้อมให้อบอุ่น ดูแลอาหาร ความสะอาด และการพักผ่อน จะช่วยให้น้องแมวผ่านฤดูหนาวได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบสัตวแพทย์เพื่อการรักษาที่รวดเร็วที่สุด

orange tabby cat lying on floor
orange tabby cat lying on floor