การสังเกตอาการป่วยของน้องหมา “ช่วงอากาศเย็น”
การสังเกตอาการป่วยของน้องหมา “ช่วงอากาศเย็น” บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้ทันสัญญาณสุขภาพของน้องหมาในช่วงอากาศเย็น พร้อมคำแนะนำการดูแลพื้นฐานและวิธีป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้น
น้องหมา
พี่เสือน้อย
12/12/2025
1. อากาศเย็นมีผลต่อน้องหมาอย่างไร?
อากาศเย็นทำให้ร่างกายสุนัขต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิ ส่งผลกระทบหลายอย่าง เช่น
ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
ระบบทางเดินหายใจอ่อนแอขึ้น เสี่ยงเป็นหวัด ไอ หรือหลอดลมอักเสบ
ข้อและกระดูกตึง โดยเฉพาะสุนัขสูงวัยที่มีปัญหาข้อเสื่อม
ผิวหนังแห้ง คัน หรือเป็นรังแค
ใช้พลังงานมากขึ้น หากกินไม่พอจะอ่อนแรงได้ง่าย
ดังนั้น เมื่ออุณหภูมิลดลง จึงต้องใส่ใจน้องหมาเป็นพิเศษ
2. อาการป่วยที่พบบ่อยช่วงอากาศเย็น และสัญญาณที่ต้องสังเกต
2.1 หวัด ไอ หรือหลอดลมอักเสบ
สุนัขเป็นหวัดได้เหมือนคน โดยเฉพาะเมื่อโดนลมเย็นจัดหรืออาบน้ำโดยไม่แห้งสนิท
อาการที่ควรสังเกต
ไอ จาม
มีน้ำมูกใส/ขุ่น
ตาแฉะหรือมีขี้ตา
หายใจครืดคราด
ซึม ไม่ค่อยยอมเล่น
หากปล่อยไว้ อาจกลายเป็นปอดอักเสบได้
2.2 ภาวะตัวเย็นเกินไป (Hypothermia)
อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์เล็ก ขนสั้น ลูกสุนัข และสุนัขแก่
อาการสำคัญ
ตัวสั่นไม่หยุด
ปลายเท้า–หูเย็นผิดปกติ
ง่วง ซึม ตอบสนองช้า
หายใจไม่สม่ำเสมอ
เดินไม่มั่นคง
พบอาการเหล่านี้ควรให้ความอบอุ่นทันทีและรีบไปพบสัตวแพทย์
2.3 ปัญหาผิวหนังช่วงอากาศแห้ง
อากาศแห้งและเย็นทำให้ผิวสุนัขสูญเสียความชุ่มชื้น
อาการที่พบได้
ผิวลอกเป็นขุย
คันมากกว่าปกติ
ขนร่วง
เกาจนเป็นแผล
สุนัขที่อาบน้ำบ่อยหรือใช้แชมพูรุนแรงอาจยิ่งมีอาการหนักขึ้น
2.4 ปวดข้อและกระดูกในสุนัขสูงอายุ
ความเย็นทำให้ข้อต่อแข็งและเจ็บมากขึ้น
อาการที่ควรเฝ้าดู
เดินช้าลง หรือเดินกะเผลก
ลุกยืนลำบาก
กระโดดขึ้นที่สูงไม่ได้เหมือนเดิม
ขยับตัวแล้วร้อง
ควรให้ความอบอุ่นและดูแลพิเศษสำหรับสุนัขที่มีโรคข้ออยู่เดิม
2.5 กินน้อยลงหรือซึม
บางตัวไม่ชอบอากาศเย็น ทำให้กินน้อยลงจนพลังงานไม่เพียงพอ
อาจสังเกตเห็นว่า
นอนมากขึ้น
ไม่ค่อยอยากเล่น
น้ำหนักลด
หากกินน้อยต่อเนื่องต้องตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
3. วิธีดูแลน้องหมาเบื้องต้นช่วงอากาศเย็น
3.1 จัดพื้นที่ให้อุ่นและปลอดลม
ย้ายที่นอนให้ห่างจากพื้นกระเบื้องหรือพื้นเย็น
ใช้ผ้าห่มนุ่ม ๆ หรือเบาะรองหนา
หลีกเลี่ยงตำแหน่งที่มีลมพัด เช่น ใกล้หน้าต่างหรือประตู
สำหรับสุนัขขนสั้น อาจใช้เสื้อสุนัขช่วยได้
3.2 รักษาร่างกายให้อุ่นอยู่เสมอ
หลังอาบน้ำต้องเป่าให้แห้งสนิท
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำในวันที่อากาศหนาวมาก
ใช้แผ่นรองอุ่นหรือถุงน้ำอุ่น (ห่อผ้าให้เรียบร้อย)
สุนัขเล็กหรือแก่ควรได้รับความอบอุ่นเพิ่มเป็นพิเศษ
3.3 อาหารและน้ำต้องเพียงพอ
ให้อาหารที่มีพลังงานเหมาะสม
อาจเพิ่มปริมาณอาหารเล็กน้อยช่วงอากาศเย็น
ให้น้ำสะอาดที่อุณหภูมิอุ่นหรือปกติ ไม่เย็นจัด
สุนัขบางตัวกินน้ำน้อยขึ้น ควรเช็กชามน้ำบ่อย ๆ
3.4 ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
อากาศเย็นอาจทำให้ร่างกายแข็ง
พาเดินเล่นเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงลมเย็นจัด
3.5 ดูแลด้านจิตใจ ลดความเครียด
แม้จะดูไม่เกี่ยว แต่ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
ควร…
เล่นด้วย
พูดคุย
ลูบตัวเบา ๆ
อยู่ใกล้ชิดเพื่อให้น้องหมารู้สึกปลอดภัย
4. เมื่อไหร่ควรพาน้องหมาไปหาสัตวแพทย์ทันที
ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์หากพบอาการเหล่านี้
ไอ/หวัดนานเกิน 2–3 วัน
น้ำมูกข้น สีเขียว/เหลือง
หายใจลำบาก หอบ
ไม่กินอาหารเกิน 24 ชั่วโมง
ตัวสั่นไม่หยุดแม้จะให้ความอบอุ่นแล้ว
อาการซึม อ่อนแรงผิดปกติ
เดินกะเผลกหรือเจ็บข้อรุนแรง
มีไข้ ตัวร้อนจัดหรือตัวเย็นมาก
อากาศเย็นสามารถทำให้โรครุนแรงขึ้นได้ จึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
5. เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อให้น้องหมาสุขภาพดีในฤดูหนาว
ทำวัคซีนพื้นฐานครบทุกปี
ป้องกันเห็บหมัดและพยาธิเป็นประจำ
เช็กแผลที่เท้าหลังพาเดินบริเวณที่เย็นจัด
หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์หรือพัดลมแรงเกินไป
สุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา ปอม ปั๊ก ควรให้เสื้อหรือผ้าห่มเสมอ
ตรวจสุขภาพเฉพาะทางสำหรับสุนัขสูงอายุปีละครั้ง
อากาศเย็นเป็นช่วงที่สุนัขมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งหวัด ตัวเย็นเกินไป ปัญหาผิวหนัง หรืออาการปวดข้อ การสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ ร่วมกับการจัดพื้นที่ให้อุ่น อาหารเพียงพอ และการดูแลอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้น้องหมาแข็งแรงและผ่านช่วงฤดูหนาวได้อย่างปลอดภัย หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสมที่สุด
